ลงทุนติดโซล่าร์เซลล์: คุ้มหรือเคว้ง?
- Brighten Generation
- Apr 29
- 2 min read
Updated: May 2
การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านพักอาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจและโรงงานที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง การติดตั้งโซล่าร์ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมาก โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่หลายๆ คนยังมีคำถามอยู่ว่า การติดตั้งโซล่าร์เซลล์มีความคุ้มค่าจริงหรือไม่? ติดแล้วจะช่วยประหยัดได้จริงหรือ?
ในบทความนี้เราจะนำทุกท่านไปเจาะลึกถึงรายละเอียดการลงทุนสำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ผลตอบแทนที่สามารถคาดหวังได้ รวมถึงข้อดีและข้อเสียของการติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับทั้งบ้านและโรงงาน เพื่อเป็นแนวทางให้กับทุกท่านที่กำลังสนใจจะติดตั้งได้ทราบว่าการติดโซลาร์เป็นสิ่งจำเป็น และตรงตามความต้องการของเราจริงหรือไม่
การลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์: ต้นทุนและรายละเอียดสำหรับบ้านและโรงงาน
ต้นทุนการติดตั้งเริ่มต้นสำหรับบ้านพักอาศัย
การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในบ้านมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นหลัก ๆ ได้แก่:
ค่าแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panels): ราคาเริ่มต้นประมาณ 4 บาท/วัตต์ เช่น แผงขนาด 600 วัตต์ ราคาประมาณ 2,400 บาท หากใช้ประมาณ 10 แผง จะมีค่าแผงอยู่ที่ 24,000 บาท
ค่าอินเวอร์เตอร์ (Inverter): เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 40,000 บาท
ค่าแบตเตอรี่ (Battery Storage): หากต้องการใช้ไฟกลางคืนด้วย จำเป็นต้องติดแบตเตอรี่ ราคาแบตเตอรี่หนึ่งก้อนจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 - 100,000 บาท
ค่าติดตั้ง ค่าอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: ประมาณ 20,000 - 40,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดที่ติดตั้ง
ต้นทุนรวมของการติดตั้งระบบโซลาร์ขนาด 5 kW สำหรับบ้านพักอาศัย อยู่ที่ประมาณ 100,000 - 200,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ มาตรฐานการติดตั้ง การรับประกัน และการดูแลหลังการขาย ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละเจ้า)
ต้นทุนการติดตั้งสำหรับโรงงานหรือธุรกิจขนาดใหญ่
การติดตั้งโซลาร์ในโรงงานหรือธุรกิจขนาดใหญ่จะต้องใช้ระบบที่มีกำลังสูงกว่าบ้านพักอาศัย เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยทั่วไปโรงงานที่ใช้ไฟฟ้าสูงอาจพิจารณาระบบขนาด 100 - 500 kW หรือตามความเหมาะสม ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต่อกิโลวัตต์ลดลงเนื่องจากการซื้ออุปกรณ์และบริการติดตั้งในปริมาณมาก ซึ่งราคาเหมาเฉลี่ยเริ่มต้นของระบบโซลาร์สำหรับโรงงานจะอยู่ที่ราวๆ 24 บาท/วัตต์
ตัวอย่างต้นทุนการติดตั้งระบบขนาด 100 kW:
ค่าแผงโซลาร์เซลล์: ใช้แผงขนาด 600 วัตต์ จำนวน 167 แผง ราคาต่อแผงประมาณ 2,400 บาท มูลค่ารวมเฉพาะค่าแผงจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาท
ค่าอินเวอร์เตอร์: ประมาณ 165,000 - 250,000 บาท
ค่าติดตั้ง ค่าอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: 500,000 บาท ขึ้นไป
ต้นทุนรวมของระบบขนาด 100 kW สำหรับโรงงานจะอยู่ที่ประมาณ 2,500,000 - 3,000,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ มาตรฐานการติดตั้ง การรับประกัน และการดูแลหลังการขาย ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละเจ้า)

ผลตอบแทนจากการลงทุน: มูลค่าการประหยัดและระยะเวลาคืนทุนสำหรับบ้านและโรงงาน
ผลตอบแทนสำหรับบ้านพักอาศัย
การประหยัดค่าไฟฟ้า: สำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 600 หน่วยต่อเดือน ระบบขนาด 5 kW จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าต่อเดือนประมาณ 2,400 บาท คิดเป็นประมาณ 28,800 บาทต่อปี
การขายไฟฟ้าส่วนเกิน (Net Metering): หากมีไฟฟ้าส่วนเกินจากการใช้เอง สามารถขายคืนให้กับทางการไฟฟ้าได้ แต่มีเงื่อนไขหลักว่าต้องติดตั้งระบบโซล่าร์ขนาดไม่เกิน 10 kW และต้องเป็นเจ้าของเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (ชื่อในบิลค่าไฟ) โดยทางการไฟฟ้าจะรับซื้อไฟคืนในราคาหน่วยละ 2.20 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี แต่จะเปิดรับลงทะเบียนเป็นบางช่วงเวลาเท่านั้น
ระยะเวลาคืนทุน: ใช้เวลาประมาณ 5-7 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟ
ผลตอบแทนในระยะยาว: หลังคืนทุน สามารถใช้ไฟฟ้าฟรีต่อเนื่องอีก 15-20 ปี ช่วยประหยัดได้หลายแสนบาท
ผลตอบแทนสำหรับโรงงานหรือธุรกิจขนาดใหญ่
การประหยัดค่าไฟฟ้า: สำหรับโรงงานที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 50,000 หน่วยต่อเดือน การติดตั้งระบบขนาด 100 kW จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 20-30% ซึ่งเท่ากับการประหยัดประมาณ 100,000 - 120,000 บาทต่อเดือน หรือ 1,200,000 - 1,440,000 บาทต่อปี
ระยะเวลาคืนทุน: จากการประหยัดค่าไฟฟ้าปีละ 1,200,000 - 1,440,000 บาท ระบบขนาด 100 kW จะคืนทุนในเวลาเพียง 3-5 ปี ซึ่งเร็วกว่าการติดตั้งโซลาร์สำหรับบ้านพักอาศัย เพราะปริมาณการใช้ไฟระดับโรงงานเยอะกว่าบ้านพักอาศัยหลายเท่า
ผลตอบแทนในระยะยาว: หลังคืนทุน โรงงานจะสามารถใช้ไฟฟ้าฟรีจากแผงโซลาร์ต่อเนื่องไปอีก 10-20 ปี คิดเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถึง 20-30 ล้านบาทในระยะยาว
ข้อดีของการลงทุนในโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านและโรงงาน
ประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว: ทั้งบ้านและโรงงานจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ในระยะยาว ลดค่าไฟฟ้ารายเดือนลงได้อย่างมาก
สร้างรายได้เสริมจากการขายไฟฟ้าคืน: ระบบ Net Metering ช่วยให้สามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินกลับเข้าสู่ระบบ ช่วยลดระยะเวลาคืนทุนและเพิ่มรายได้ แต่ต้องลงทะเบียนกับการไฟฟ้าให้ทัน
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาด ลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจก
เพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สิน: ทรัพย์สินที่ติดตั้งโซลาร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพราะผู้ซื้อจะได้ประโยชน์จากค่าใช้จ่ายพลังงานที่ลดลง
เสถียรภาพด้านพลังงาน: โรงงานสามารถใช้โซลาร์เพื่อเป็นพลังงานสำรองในกรณีไฟฟ้าดับ หากติดตั้งแบตเตอรี่ควบคู่กันไปด้วย หรือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ข้อเสียของการลงทุนในโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านและโรงงาน
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง: การลงทุนติดตั้งโซลาร์ต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงงานขนาดใหญ่ต้องใช้เงินเป็นหลักล้าน
ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ: ระบบโซลาร์เซลล์ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากความเข้มของแสงอาทิตย์ ดังนั้นหากฟ้าโล่ง แดดจัด ก็จะผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลัง แต่กำลังการผลิตไฟฟ้าก็จะลดลงในวันที่มีเมฆครึ้มหรือฝนตก ทำให้ไม่สามารถใช้พลังงานจากโซลาร์ได้เต็มที่ในบางช่วงเวลา
ข้อจำกัดในการติดตั้ง: ต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการติดตั้งแผง และพื้นที่นั้นต้องไม่มีร่มเงาบดบัง เพื่อให้แผงรับแสงแดดได้เต็มที่
การดูแลรักษา: การติดโซลาร์ไม่ใช่ว่าติดครั้งเดียวแล้วจบกันไป แต่ต้องมีการดูแลบำรุงรักษา เพื่อประสิทธิภาพของกำลังการผลิต และในเรื่องของความปลอดภัย เพราะระบบโซลาร์เป็นระบบที่ผลิตพลังงานไฟฟ้า หากไม่มีการตรวจสภาพในแต่ละปี ก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ โดยเฉพาะสำหรับระบบในโรงงานที่มีขนาดใหญ่ การบำรุงรักษาอุปกรณ์อาจต้องใช้ทีมงานหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

สรุป: ลงทุนติดโซลาร์ คุ้มหรือเคว้ง?
คุ้มค่าในระยะยาว: การติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านและโรงงานเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะโรงงานหรือธุรกิจที่ใช้พลังงานมาก ระบบโซลาร์ขนาดใหญ่จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานลงอย่างมากในระยะยาว อีกทั้งยังมีโอกาสสร้างรายได้เสริมจากการขายพลังงานส่วนเกิน ช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดระยะเวลาคืนทุน
เคว้งทางการเงินในระยะสั้น: อย่างไรก็ตาม การติดตั้งโซลาร์ยังคงต้องใช้งบประมาณสูงในระยะเริ่มต้น จึงอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด และหากธุรกิจหรือโรงงานของคุณตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศครึ้มบ่อยครั้ง อาจต้องพิจารณาระบบสำรองพลังงานเสริมเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ว่ากันตามตรง การลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการอะไร ถ้าต้องการลดค่าไฟ และความประหยัดในระยะยาว การติดโซลาร์จะตอบโจทย์ในจุดนี้อย่างแน่นอน เพราะหลังจากพ้นจุดคืนทุนไปแล้ว เราก็จะได้ใช้ไฟฟรีไปอีกนานพอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานหรือธุรกิจต่างๆ เพราะส่วนต่างค่าไฟที่เราประหยัดได้นั้นก็จะคืนมาในรูปแบบของรายได้ที่เพิ่มขึ้น หรือนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนด้านอื่นเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน
แต่ในระยะสั้น สิ่งที่มักเป็นปัญหาคือค่าใช้จ่าย เพราะการติดตั้งโซลาร์ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง และต้องใช้เวลาในการคืนทุน แต่ในปัจจุบันก็มีธนาคารหลายแห่งให้บริการสินเชื่อกู้ยืมสำหรับติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการใช้พลังงานทดแทนเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การติดโซลาร์จะคุ้มค่าหรือเคว้งคว้าง คุณเท่านั้นที่จะรู้คำตอบได้ดีที่สุด
สนใจสินค้าและบริการจาก Brighten Generation สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!
โทร. 082-650-7659
E-mail: natchanan.r@brighten-gen.com
Comments